จะเป็นไปได้ไหมที่จริงๆ แล้วมนุษย์อาจจะไม่ได้ขี้เกียจหรอก แต่บรรยากาศไม่ยังไม่เป็นใจให้ทำงานเสียมากกว่า?
กาแฟจะเป็นเครื่องดื่มยอดฮิตที่ช่วยเติมคาเฟอีน และบูสต์พลังสมองของคนวัยทำงานในแต่ละวันแล้ว “ร้านกาแฟ” ยังเป็นสถานที่ทำงานยอดนิยมไม่แพ้กัน ในปัจจุบันที่หลายองค์กรให้พนักงานทำงานที่ไหนก็ได้ ทำให้ผู้คนขวนขวายหาสถานที่ทำงานที่ช่วยเพิ่มพลังให้สมอง มีของกินแก้เบื่อตลอดทั้งวัน จึงไม่แปลกที่ร้านกาแฟจะกลายเป็นพื้นที่สำหรับคนวัยทำงานในยุคนี้ นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของ “Coffee-Shop Effect”
ปรากฏการณ์ Coffee-Shop Effect อธิบายถึงสิ่งที่กระตุ้นให้ร่างกายทำงานได้ดีขึ้น ปัจจัยสำคัญไม่ได้อยู่ที่เครื่องดื่มแต่เป็น “คลื่นความถี่” ที่อยู่ในร้านกาแฟ
มีงานวิจัยระบุว่าสัตว์บางชนิดสามารถหลบหลีกนักล่าได้ดีกว่า เพราะอวัยวะของมันรับรู้คลื่นการสั่นสะเทือนเมื่อนักล่าเข้ามาใกล้ เช่น สัตว์จำพวกปลาหรือกุ้ง ซึ่งเป็นกรณีเดียวกันกับที่ปลาบางสายพันธ์ุสามารถจับสัตว์เล็ก หรือกินแพลงก์ตอนได้มากกว่า เมื่อมีคลื่นน้ำกระทบตัวมันเล็กน้อย
นักวิจัยจึงนำคลื่นความถี่ที่ว่ามาทดลองกับมนุษย์ และพบว่าหากมนุษย์ได้รับคลื่นเสียงรบกวน (Background Noise) ในระดับที่พอเหมาะ สมองและประสาทสัมผัสจะทำงานประสานกันมากยิ่งขึ้น ทำให้การคิดประมวลผลลื่นไหลและสอดคล้องไปกับการทำงานของอวัยวะต่างๆ ด้วย
“สิ่งเร้าทางการมองเห็น” สูตรสำคัญของร้านกาแฟ
ปัจจัยที่รวมตั้งแต่การตกแต่งภายใน แสง สี และบรรยากาศของผู้คนเข้าไว้ด้วยกันอย่างพอดี กลไกสำคัญของเสียง และภาพที่ปรากฏในร้านกาแฟ คือความควบคุมไม่ได้ เราไม่สามารถเพิ่มเสียง หรือลดเสียงในร้านกาแฟได้ เราไม่สามารถปิดประตูร้านกาแฟแล้วนั่งทำงานคนเดียวในร้านได้ แต่ในความควบคุมไม่ได้นี้แหละ ที่ทำให้เราได้ยินเสียงและได้เห็นภาพรอบตัวในระดับที่พอเหมาะ และไม่ได้รบกวนเรามากจนเกินไป
กลไกนี้เองที่เป็นปัจจัยช่วยลดความเครียดจากงาน (ได้ดีกว่านั่งทำงานในบ้านหรือออฟฟิศ) และไม่ทำให้เรารู้สึกจำเจกับห้องสี่เหลี่ยมเดิมๆ ที่เห็นอยู่ทุกวัน พร้อมยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบประสาทและสมอง รวมถึงกระตุ้นให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ได้ดีอีกด้วย
การที่ผู้คนไปทำงานที่ร้านกาแฟ จะทำให้เกิดความรู้สึกตกเป็นเป้าสายตา (Audience Effect) เมื่อเราเห็นผู้คนกำลังนั่งทำงานอย่างขมักเขม้น บรรยากาศต่างคนต่างทำงาน ก็เหมือนกระตุ้นให้คนมองรู้สึกอยากทำงานไปด้วย เช่นเดียวกับฝ่ายที่ถูกมองเองก็รู้สึกว่าต้องหยิบจับอะไรสักอย่างให้เป็นชิ้นเป็นอันขึ้นมา แต่บรรยากาศที่เกิดขึ้นในร้านกาแฟ จะไม่กดดันให้สมองเกิดความเครียดเหมือนตอนที่เราถูกจับจ้องในที่ทำงาน
ในร้านกาแฟจะมีบรรยากาศของ “ความไม่เป็นทางการ” อยู่ จึงเป็นประโยชน์ต่อการระดมสมอง การพูดคุยเรื่องงาน หรือการประชุมไม่น้อย บรรยากาศไม่เป็นทางการนี้ทำให้เราผ่อนคลาย ไม่รู้สึกกดดัน ช่วยกระตุ้นให้เกิดอารมณ์เชิงบวก เช่น ความเข้าใจ ความเชื่อใจ ความคิดสร้างสรรค์ และ “ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน” ให้เกิดขึ้นระหว่างเพื่อนร่วมงานได้อีกด้วย
อ้างอิงข้อมูล: https://missiontothemoon.co/inspiration-coffee-shop-effect/
นอกจากกระตุ้นสมอง มันยังกระตุ้นต่อมไขมันด้วยขนมเค้กหลายรูปแบบด้วยนะ อันนี้จะหนักกว่าเดิมด้วย (น้ำหนักนะ) 😆
จะเป็นไปได้ไหมที่จริงๆ แล้วมนุษย์อาจจะไม่ได้ขี้เกียจหรอก แต่บรรยากาศไม่ยังไม่เป็นใจให้ทำงานเสียมากกว่า?
กาแฟจะเป็นเครื่องดื่มยอดฮิตที่ช่วยเติมคาเฟอีน และบูสต์พลังสมองของคนวัยทำงานในแต่ละวันแล้ว “ร้านกาแฟ” ยังเป็นสถานที่ทำงานยอดนิยมไม่แพ้กัน ในปัจจุบันที่หลายองค์กรให้พนักงานทำงานที่ไหนก็ได้ ทำให้ผู้คนขวนขวายหาสถานที่ทำงานที่ช่วยเพิ่มพลังให้สมอง มีของกินแก้เบื่อตลอดทั้งวัน จึงไม่แปลกที่ร้านกาแฟจะกลายเป็นพื้นที่สำหรับคนวัยทำงานในยุคนี้ นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของ “Coffee-Shop Effect”
ปรากฏการณ์ Coffee-Shop Effect อธิบายถึงสิ่งที่กระตุ้นให้ร่างกายทำงานได้ดีขึ้น ปัจจัยสำคัญไม่ได้อยู่ที่เครื่องดื่มแต่เป็น “คลื่นความถี่” ที่อยู่ในร้านกาแฟ
มีงานวิจัยระบุว่าสัตว์บางชนิดสามารถหลบหลีกนักล่าได้ดีกว่า เพราะอวัยวะของมันรับรู้คลื่นการสั่นสะเทือนเมื่อนักล่าเข้ามาใกล้ เช่น สัตว์จำพวกปลาหรือกุ้ง ซึ่งเป็นกรณีเดียวกันกับที่ปลาบางสายพันธ์ุสามารถจับสัตว์เล็ก หรือกินแพลงก์ตอนได้มากกว่า เมื่อมีคลื่นน้ำกระทบตัวมันเล็กน้อย
นักวิจัยจึงนำคลื่นความถี่ที่ว่ามาทดลองกับมนุษย์ และพบว่าหากมนุษย์ได้รับคลื่นเสียงรบกวน (Background Noise) ในระดับที่พอเหมาะ สมองและประสาทสัมผัสจะทำงานประสานกันมากยิ่งขึ้น ทำให้การคิดประมวลผลลื่นไหลและสอดคล้องไปกับการทำงานของอวัยวะต่างๆ ด้วย
“สิ่งเร้าทางการมองเห็น” สูตรสำคัญของร้านกาแฟ
ปัจจัยที่รวมตั้งแต่การตกแต่งภายใน แสง สี และบรรยากาศของผู้คนเข้าไว้ด้วยกันอย่างพอดี กลไกสำคัญของเสียง และภาพที่ปรากฏในร้านกาแฟ คือความควบคุมไม่ได้ เราไม่สามารถเพิ่มเสียง หรือลดเสียงในร้านกาแฟได้ เราไม่สามารถปิดประตูร้านกาแฟแล้วนั่งทำงานคนเดียวในร้านได้ แต่ในความควบคุมไม่ได้นี้แหละ ที่ทำให้เราได้ยินเสียงและได้เห็นภาพรอบตัวในระดับที่พอเหมาะ และไม่ได้รบกวนเรามากจนเกินไป
กลไกนี้เองที่เป็นปัจจัยช่วยลดความเครียดจากงาน (ได้ดีกว่านั่งทำงานในบ้านหรือออฟฟิศ) และไม่ทำให้เรารู้สึกจำเจกับห้องสี่เหลี่ยมเดิมๆ ที่เห็นอยู่ทุกวัน พร้อมยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบประสาทและสมอง รวมถึงกระตุ้นให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ได้ดีอีกด้วย
การที่ผู้คนไปทำงานที่ร้านกาแฟ จะทำให้เกิดความรู้สึกตกเป็นเป้าสายตา (Audience Effect) เมื่อเราเห็นผู้คนกำลังนั่งทำงานอย่างขมักเขม้น บรรยากาศต่างคนต่างทำงาน ก็เหมือนกระตุ้นให้คนมองรู้สึกอยากทำงานไปด้วย เช่นเดียวกับฝ่ายที่ถูกมองเองก็รู้สึกว่าต้องหยิบจับอะไรสักอย่างให้เป็นชิ้นเป็นอันขึ้นมา แต่บรรยากาศที่เกิดขึ้นในร้านกาแฟ จะไม่กดดันให้สมองเกิดความเครียดเหมือนตอนที่เราถูกจับจ้องในที่ทำงาน
ในร้านกาแฟจะมีบรรยากาศของ “ความไม่เป็นทางการ” อยู่ จึงเป็นประโยชน์ต่อการระดมสมอง การพูดคุยเรื่องงาน หรือการประชุมไม่น้อย บรรยากาศไม่เป็นทางการนี้ทำให้เราผ่อนคลาย ไม่รู้สึกกดดัน ช่วยกระตุ้นให้เกิดอารมณ์เชิงบวก เช่น ความเข้าใจ ความเชื่อใจ ความคิดสร้างสรรค์ และ “ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน” ให้เกิดขึ้นระหว่างเพื่อนร่วมงานได้อีกด้วย
อ้างอิงข้อมูล: https://missiontothemoon.co/inspiration-coffee-shop-effect/